อีโบล่าเป็นคำสามัญที่ใช้กับทั้งกลุ่มของไวรัสที่อยู่ในสกุล อีโบราไวรัส (Ebolavirus) วงศ์ ฟิโลไวลิเดอี (Filoviridae) และใช้กับโรคที่ไวรัสชนิดนี้ก่อขึ้นคือโรค "ไข้เลือดออกอีโบลา" (Ebola hemorrhagic fever)
     ลักษณะของไวรัสจะเป็นรูปเส้นยาวล้อมด้วยลิปิดหรือไขมันตัวห่อหุ้มไวรัส (viral envelope) ไวรัสอีโบลามีรูปลักษณะคล้ายคลึงกับไวรัสมาร์เบิร์ก (Marburg virus) ซึ่งอยู่ในวงศ์ฟิโลไวลิเดอีเช่นเดียวกัน และยังมีอาการของโรคคล้ายคลึงกันด้วย โรคระบาดอีโบลาสร้างปัญหาที่หนักและร้ายแรงและเป็นที่กล่าวขวัญมากกันที่สุดนับตั้งแต่เมื่อถูกค้นพบในการระบาดครั้งแรก รวมทั้งการถูกนำไปทำภาพยนตร์ประเภทสยองขวัญ
     เชื่อว่าอีโบลาเป็นไวรัสประเภทซูโนติก (zoonoticvirus -ผ่านจากสัตว์ไปยังคน) แม้องค์การอนามัยโลกจะได้พยายามอย่างหนักก็ยังไม่สามารถบอกได้โดยชัดเจนว่าสัตว์ชนิดใดเป็นตัวพาหะคาดเพียงว่าน่าจะเป็นค้างคาวประเภทกินผลไม้
     เนื่องจากยังไม่อาจทราบได้ว่าสัตว์ชนิดใดเป็นพาหะของไวรัส องค์การอนามัยโลกจึงวางมาตรการเข้มงวดกำหนดให้จัดไวรัสอีโบลาไว้เป็น "ความปลอดภัยชีวภาพ ระดับ 4" (Biosafety Level 4) ซึ่งจะต้องจัดการห่อหุ่มในการขนย้ายและจัดเก็บด้วยความระมัดระวังอย่างสูง
ไข้เลือดออกอีโบลามีความร้ายแรงถึงเสียชีวิตเนื่องจากยังไม่มีวัคซีนที่สามารถใช้ป้องกันและรักษาได้ นอกจากถูกจัดด้านการระมัดระวังไว้ด้านความปลอดภัยทางชีวภาพไว้ที่ระดับ 4 แล้ว อีโบลา ยังถูกจัดเป็นตัวการที่อาจใช้ "ก่อการร้ายทางชีวภาพประเภท ก" (Category A bioterrorism) อีกด้วย โดยศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค ขององค์การอนามัยโรคด้วย ไวรัสอีโบลามีศักยภาพที่จะนำมาใช้พัฒนาเป็นอาวุธได้ในสงครามชีวภาพทั้งโดยฝ่ายสหภาพโซเวียตและสหรัฐฯ ประสิทธิภาพของอีโบลาได้แก่ความร้ายแรงที่สูงมากและความรวดเร็ว ซึ่งอาจใช้กับหมู่บ้านเล็กๆ หรือโรงพยาบาลซึ่งเมื่อฆ่าประชากรทั้งหมดก็จะเผาทำลายให้หยุดก่อนระบาดเข้าไปในชุมชนที่ใหญ่
1. ที่มาของเชื้ออีโบล่า เชื้ออีโบล่าเป็นเชื้อไข้เลือดออกที่พบในทวีปแอฟริกา รู้จักเมื่อมีการระบาดครั้งแรกที่ประเทศซาอีร์ และเชื้อที่มีลักษณะคุณสมบัติคล้ายเชื้ออีโบล่าจัดอยู่ในสกุลไฟโลไวรัสนี้ เคยรู้จักมาก่อนตั้งแต่ปีพ.ศ.2510 โดยพบว่าผู้ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเลี้ยงลิง ฆ่าลิงเพื่อนำไตลิงมาใช้เป็นเซลล์เพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการไวรัส ที่เมืองมาร์บวร์ก, แฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี และเมืองเบลเกรด ประเทศยูโกสลาเวีย (ปัจจุบันคือประเทศเซอเบีย) ล้มป่วยมีอาการไข้เลือดออกในเวลาใกล้เคียงกัน รวมผู้ป่วยที่ติดเชื้อจากลิง 25 คน และมีผู้ใกล้ชิดติดเชื้อจากผู้ป่วยอีก 6 คน การติดเชื้อเข้าใจว่าเกิดจากสัมผัสกับเลือดและเนื้อเยื่อของลิพันธุ์แอฟริกาเขียว (African green monkeys) ที่สั่งซื้อมาจากประเทศยูกันตา ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อจากลิงอัตราตายร้อยละ 28 เชื้อที่แยกได้นี้จึงเรียกว่า เชื้อมาร์บวร์ก (Marburg virus)
     
ในปี พ.ศ.2518 พบในนักท่องเที่ยว 1 รายที่ได้รับเชื้อมาร์บวร์กจากประเทศซิมบับเว ผู้ป่วยเสียชีวิต และแพร่เชื้อให้กับเพื่อนและพยาบาลที่ดูแล
     ในปี พ.ศ.2519 มีรายงานโรคระบาดไข้เลือดออกจากเชื้ออีโบล่าในโรงพยาบาล ประเทศซาอีร์ มีผู้ป่วย 277 คน อัตราตายเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ การติดเชื้อเกิดในโรงพยาบาลโดยใช้เข็มฉีดยาและเครื่องมือที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อในปีเดียวกันพบการระบาดในประเทศซูดาน ผู้ป่วยรายแรกพบทำงานในโรงงานทำฝ้าย พบผู้ป่วย 280 คน อัตราตายร้อยละ 53 การติดต่อพบในโรงพยาบาลและการสัมผัสใกล้ชิดในครอบครัว
     ในปี พ.ศ.2520 มีรายงานผู้ป่วยเด็ก 1 รายในซาอีร์ ตายด้วยโรคไข้เลือดออกอีโบล่า สายพันธุ์ซาอีร์
     ในปี พ.ศ.2522 มีรายงานระบาดในประเทศซูดาน เริ่มจากโรงงานทอฝ้ายเดิม พบผู้ป่วย 34 คน อัตราตายร้อยละ 65
     ในปี พ.ศ.2523 วิศวกรชาวฝรั่งเศสตายด้วยโรคไข้เลือดออกจากเชื้อมาร์บวร์กที่ประเทศ เคนยา และหมอที่ดูแลติดเชื้อ แต่ไม่ตาย
     ในปี พ.ศ.2530 พบผู้ป่วย 1 ราย เป็นชาวเดนมาร์ก ติดเชื้อมาร์บวร์กหลังไปเยี่ยมบิดามารดาที่ประเทศเคนยา ผู้ป่วยเสียชีวิต
     ในปี พ.ศ.2532 พบเชื้ออีโบล่าสายพันธุ์ใหม่ในลิงที่ส่งไปเลี้ยงเพื่อทดลองที่เมืองเวสตัน รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา ลิงที่ป่วยเป็นโรคนี้เป็นลิงพันธุ์ไซโนมอลกัส มาเคกส์ (cynomolgus macaques) ที่สั่งซื้อจากประเทศฟิลิปปินส์ พบเชื้อไวรัสอีโบล่าในเซลล์เพาะเลี้ยงที่แยกเชื้อจากลิง แต่มีลักษณะแอนติเจนต่างจากที่พบในประเทศซาอีร์และซูดาน
     การระบาดครั้งนี้แพร่ไปยังห้องต่าง ๆ ที่เลี้ยงลิง ลิงตายจำนวนมาก ทางติดต่อในลิง ไม่ทราบแน่ชัด อาจติดมาก่อน หรือติดโดยการใช้หลอดฉีดยา ทดสอบทูเบอร์คูลินที่เปลี่ยนเข็ม เมื่อฉีดลิงแต่ละตัว แต่ไม่ได้เปลี่ยนหลอดฉีดยาหรือติดทางอื่น
อย่างไรก็ตาม ในการสั่งลิงอีกหลายครั้งต่อมาจากฟิลิปปินส์ในปี พ.ศ.2533 พบลิงตายโดยเชื้ออีโบล่าอีก และตรวจพบแอนติบอดีในซีรั่มลิงที่ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และพบในซีรั่มคนที่ดูแลจับและเลี้ยงลิงเหล่านี้ด้วย
     ลิงที่ป่วยมีอาการน้ำมูกไหลและพบเชื้อได้ในสารคัดหลั่ง จากทางเดินหายใจ จึงคาดว่าการติดต่อจากลิงไปยังลิง หรือลิงมายังคนสามารถติดต่อได้ทางละอองฝอย ต่างจากที่พบในการติดต่อของเชื้อมาร์บวร์กหรืออีโบล่า ที่ติดต่อโดยการสัมผัส กับเลือดหรือสารคัดหลั่งเนื่องจากการระบาดของอีโบล่าสายพันธุ์เรสตันในลิง ตึกที่ทำการเลี้ยงลิงจึงถูกสั่งปิดทำลายเชื้อ และปล่อยเป็นตึกร้าง ในเวลานี้การระบาดครั้งนี้ไม่พบการติดต่อทำให้เกิดโรคในคน แต่จากการตรวจเลือดในผู้ดูแลใกล้ชิดกับลิงพบว่ามีแอนติบอดี แสดงว่ามีการติดเชื้อมาสู่คนได้
2. การระบาดของไข้เลือดออกอีโบล่าครั้งล่าสุดเริ่มเมื่อใด การระบาดของอีโบล่าครั้งล่าสุด น่าจะเกิดมาตั้งแต่ต้นปีนี้ แต่ผู้ป่วยที่ได้รับความสนใจว่าเป็นอีโบล่ารายแรก ได้แก่ เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการวัย 36 ปีของโรงพยาบาลเล็ก ๆ ในเมืองคิควิต ที่ป่วยเมื่อวันที่ 4 เดือนเมษายน 2538 เขามีอาการไข้สูง ปวดท้อง ถ่ายเป็นเลือด แพทย์เข้าใจว่าน่าจะเกิดจากลำไส้ทะลุ จึงผ่าตัดเปิดช่องท้องเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2538 พบลำไส้เปื่อยและมีเลือดออกเต็ม ไม่สามารถทำอะไรได้ ผู้ป่วยเสียชีวิตในเวลาต่อมา
      ในวันที่ 14 เมษายน 2538 พยาบาลซึ่งเป็นแม่ชีอิตาลีซึ่งดูแลผู้เสียชีวิตรายแรก เริ่มมีอาการป่วยและมีการติดต่อยังบุคลากรในโรงพยาบาลหลายคน ทำให้สงสัยว่ามีการระบาดของโรคอีโบล่าประเทศสหรัฐอเมริกาและองค์การอนามัยโลก ได้รับคำขอความช่วยเหลือด่วนจากรัฐบาลซาอีร์ เมื่อวันเสาร์ที่ 6 และวันอาทิตย์ที่ 7 พฤษภาคม 2538 จึงส่งคณะผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ จากศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐอเมริกา สถาบันปาสเตอร์ ปารีส ฝรั่งเศส และสถาบันไวรัสที่โจฮันเนสเบอร์ก แอฟริกาใต้เดินทางพร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ ไปยังเมืองคิควิต เพื่อให้ความช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ ในการดูแลรักษาผู้ป่วย วิธีการป้องกันการติดเชื้อ การทำลายเชื้อ และพยายามควบคุมการระบาดให้ได้
     เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2538 คณะผู้เชี่ยวชาญได้เก็บตัวอย่างตรวจต่าง ๆ คือ เลือดและอวัยวะภายในส่งไปยังศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค สหรัฐอเมริกา เพื่อตรวจหาเชื้อและสามารถยืนยันได้ว่า เชื้อต้นเหตุคือ อีโบล่า เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม
     คณะขององค์การอนามัยโลก ทำงานด้วยความยากลำบาก เพราะความขาดแคลนทรัพยากรของประเทศ เมื่อไปเยี่ยมโรงพยาบาลก็พบสภาพของผู้ป่วย ญาติ และผู้เสียชีวิตนอนอยู่ในห้องเดียวกัน ไม่มีน้ำประปา ไฟฟ้า และอุปกรณ์เวชภัณฑ์ต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องปรับสภาพโรงพยาบาลให้ได้มาตรฐานของการรักษาพยาบาล ทำความสะอาดห้องผู้ป่วย จัดหาถุงมือ เสื้อคลุม ผ้าปิดปากและจมูก ทั้งนี้โดยได้รับความช่วยเหลือจากร้านขายยาในเจนีวา และหน่วยงานแพทย์ไร้พรหมแดน จากเบลเยี่ยม
     คณะสืบสวนจำเป็นต้องติดตามผู้ป่วย ผู้สัมผัสโรค เพื่อศึกษาวิธีการติดต่อ และการควบคุมโรค โดยได้สร้างทีมนักศึกษาแพทย์ในการค้นหาผู้ป่วย และพบว่าผู้ป่วยรายแรกน่าจะเป็นหญิงสาววัย 18 ปี ที่ได้รับการผ่าตัดคลอดบุตรในโรงพยาบาลที่คิควิตเมื่อปลายเดือน มีนาคม หลังกลับบ้าน หญิงผู้นี้เสียชีวิตด้วยอาการเลือดออก ต่อมาพ่อแม่ที่อยู่บ้านเดียวกันก็เสียชีวิต ตามด้วยลูกสาว 1 คน ลูกชาย 2 คน และพยาบาลที่ช่วยดูแล หลังจากนั้นก็มีคนเสียชีวิตตามมาอีกหลายบ้านในหมู่บ้านนั้น
ทุกวันนี้อากาศร้อนจัดมากขึ้นทุกวันโดยเฉพาะบ้านเรา ทั้งร้อนและแดดจัด มีโรคที่มากับอากาศร้อนที่ควรระมัดระวัง ซึ่งเราอาจจะนึกไม่ถึงและมองข้ามไป..
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เอ เอช1เอ็น1 เป็นโรคที่แพร่ติดต่อระหว่างคนสู่คน เริ่มพบที่ประเทศเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา..